9 ประเภทของมัลแวร์และ 10 วิธีป้องกัน
มัลแวร์ (Malware) คือซอฟต์แวร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อทำลายหรือเข้าควบคุมเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ของผู้ใช้งาน โดยการแทรกซึมเข้าสู่ระบบโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย 9 ประเภทของมัลแวร์
1.ไวรัส (Virus)
เป็นมัลแวร์ที่สามารถทำก็อปปี้ตัวเองและติดตั้งเข้าไปในไฟล์หรือโปรแกรมของระบบเครื่องคอมพิวเตอร์ เมื่อไฟล์ที่ติดไวรัสถูกเปิดใช้ ไวรัสจะทำการแพร่กระจายไปยังไฟล์อื่นๆในระบบ
2.เวิร์ม (Worm)
เวิร์มเป็นโปรแกรมที่สามารถแพร่กระจายตัวเองผ่านเครือข่ายหรืออินเทอร์เน็ตผ่านทางอีเมลที่มีไพล์แนบมาด้วย โดยไม่ต้องการการช่วยเหลือจากผู้ใช้หรือโปรแกรมอื่น ๆ เวิร์มจะใช้ช่องโหว่ของระบบเพื่อแพร่กระจาย
3.โทรจัน (Trojan Horse)
โทรจันมักถูกซ่อนอยู่ในโปรแกรมหรือไฟล์ที่ดูเหมือนจะปลอดภัย เช่น เครื่องแปลงMP3 ตัวช่วยดาวน์โหลดคลิป เมื่อผู้ใช้ดาวน์โหลดหรือเปิดใช้งาน โทรจันสามารถเปิดประตูให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงคอมพิวเตอร์และข้อมูลส่วนตัวได้
4.สปายแวร์ (Spyware)
สปายแวร์คือโปรแกรมที่ถูกออกแบบมาเพื่อสอดส่องและรวบรวมข้อมูลจากผู้ใช้ เช่น พฤติกรรมการท่องเว็บ คีย์บอร์ดที่กด หรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบัญชีธนาคาร แล้วทำการส่งไปให้แฮคเกอร์
5.แอดแวร์ (Adware)
แอดแวร์คือโปรแกรมที่แสดงโฆษณาโดยที่ผู้ใช้ไม่ได้รับความยินยอมซึ่งโฆษณาทำการเด้งขึ้นมาเองโดยที่ผู้ไม่ได้ทำการคลิก บางครั้งอาจรวมถึงโฆษณาที่ไม่พึงประสงค์หรือหลอกลวง
6.รูทคิต (Rootkit)
รูทคิตเป็นโปรแกรมที่ทำงานอยู่ในเบื้องหลังเพื่อซ่อนตัวจากการตรวจจับของwindow securityทำให้การลบทำได้ยากและช่วยให้ผู้โจมตีสามารถควบคุมระบบได้จากระยะไกล
7.แรนซัมแวร์ (Ransomware)
แรนซัมแวร์คือโปรแกรมที่เข้ารหัสข้อมูลและไพล์ของเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้และข่มขู่ให้จ่ายค่าไถ่กับแฮคเกอร์เพื่อปลดล็อกข้อมูลนั้น โดยมักจะเรียกร้องเงินจากเหยื่อ
8.บ็อต (Bot)
บ็อตคือโปรแกรมที่ถูกควบคุมโดยผู้โจมตีผ่านการเชื่อมต่อระยะไกล และมักใช้ในการโจมตีประเภทต่าง ๆ บ็อตเน็ต (Botnet)ก็จะมีการโจมตีไปที่ DDoS (Distributed Denial of Service)
9.ฟิชชิ่ง (Phishing)
คือการหลอกลวงที่ใช้เทคนิคทางไซเบอร์เพื่อขโมยข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน เช่น รหัสผ่าน ข้อมูลบัตรเครดิต หรือข้อมูลทางการเงินอื่นๆ โดยการสร้างเว็บไซต์หรืออีเมลที่ปลอมแปลงดูเหมือนจากองค์กรที่เชื่อถือได้ เช่น ธนาคาร บริษัทหรือแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆฟิชชิ่งมักจะทำให้ผู้ใช้งานหลงกลและเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญโดยไม่รู้ตัว ฟิชชิ่งถือเป็นหนึ่งในวิธีการโจมตีที่พบได้บ่อยในประเทสไทยและมีผลกระทบอย่างมากในโลกออนไลน์
ซึ่งเมื่อรู้ประเภทต่างๆของมัลแวร์แล้วจะมาแนะนำวิธีการป้องกันมัลแวร์กัน
1. ติดตั้งโปรแกรมแอนติไวรัส
ใช้โปรแกรมแอนติไวรัสที่เชื่อถือได้เพื่อสแกนและป้องกันมัลแวร์จากการเข้าเครื่องของคุณ แนะนำตัวwindows Security ใช้ได้ดีเหมือนกัน
2. อัปเดตระบบปฏิบัติการและซอฟต์แวร์
ทำการอัปเดตระบบปฏิบัติการและซอฟต์แวร์ให้ทันสมัยอยู่เสมอ เพื่อปิดช่องโหว่ที่อาจถูกใช้โดยมัลแวร์
3.หลีกเลี่ยงการดาวน์โหลดไฟล์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ
อย่าดาวน์โหลดไฟล์หรือโปรแกรมจากแหล่งที่ไม่รู้จักหรือเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ
4.ระวังอีเมลฟิชชิ่ง
อย่าคลิกลิงก์หรือดาวน์โหลดไฟล์จากอีเมลหรือsmsหรืออีเมลที่ไม่รู้จักถึงจะมาจากคนที่รู้จักกันก้ตาม
5.ใช้รหัสผ่านที่แข็งแกร่งและการยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอน (2FA)
สร้างรหัสผ่านที่คาดเดาได้ยากและใช้การยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอนเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับบัญชีออนไลน์ของคุณซึ่งถ้ามีการเปลี่ยนแปลงจะสามารถแก้ไขได้ทัน
6.เปิดใช้งานไฟร์วอลล์
เครื่องมือที่ช่วยปกป้องระบบคอมพิวเตอร์หรือเครือข่ายจากการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาต โดยการควบคุมและตรวจสอบการรับส่งข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ของคุณกับเครือข่ายภายนอก เช่น อินเทอร์เน็ตหรือเครือข่ายภายในองค์กร การเปิดใช้งานไฟร์วอลล์จะช่วยป้องกันไม่ให้มัลแวร์หรือผู้ไม่หวังดีสามารถเข้าถึงระบบของคุณหรือส่งข้อมูลออกไปยังภายนอกได้
7.ระมัดระวังเมื่อใช้เครือข่าย Wi-Fi สาธารณะ
หลีกเลี่ยงการเชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi สาธารณะที่ไม่ปลอดภัยหากต้องการใช้งานควรใช้ VPN (Virtual Private Network) เพื่อความปลอดภัย
8.สำรองข้อมูลสำคัญ
ทำการสำรองข้อมูลสำคัญของคุณอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้คุณสามารถกู้คืนข้อมูลได้ซึ่งสามารถป้องกันได้เป็นอย่างดีกับแรนซัมแวร์
9.ตรวจสอบการเข้าถึงและสิทธิ์การใช้งาน
การตรวจสอบและปรับสิทธิ์การเข้าถึงของแอปพลิเคชัน,บริการออนไลน์,หรือไฟล์สำคัญเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกโจมตีโดยเฉพาะเมื่อใช้บริการคลาวด์หรือแอปพลิเคชันที่มีการเข้าถึงจากหลายอุปกรณ์หรือหลายผู้ใช้งานการตรวจสอบและจำกัดสิทธิ์การเข้าถึงเฉพาะผู้ที่จำเป็นต้องใช้จะช่วยป้องกันไม่ให้ข้อมูลสำคัญหรือระบบถูกเข้าถึงโดยบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาต
10.ติดตามและอัพเดตข่าวสารด้านความปลอดภัย
การติดตามข่าวสารและการแจ้งเตือนด้านความปลอดภัยในโลกไซเบอร์จะช่วยให้คุณรู้ทันภัยคุกคามที่เกิดขึ้นรวมถึงช่องโหว่ใหม่ๆที่อาจมีผล กระทบกับอุปกรณ์หรือซอฟต์แวร์ที่คุณใช้เช่น การอัปเดตช่องโหว่ในระบบปฏิบัติการหรือแอปพลิเคชันต่างๆ การรู้ทันภัยคุกคามใหม่ๆ ช่วยให้คุณสามารถปรับปรุงมาตรการป้องกันและลดความเสี่ยงได้ทันเวลา
เรียบเรียงโดย : สหวัฒน์ มั่งมี
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.itbtthai.com/category/itbt-activities/