เป็นแนวคิดในการพัฒนาเมืองโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากร เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากร และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แนวคิดนี้ครอบคลุมหลายมิติ เช่น การขนส่ง การพลังงาน สิ่งแวดล้อม การศึกษา และสุขภาพ โดยใช้เทคโนโลยีเป็นตัวช่วยหลัก
1. ระบบเมืองอัจฉริยะ
- โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล (Digital Infrastructure)ใช้ IoT (Internet of Things)
เซ็นเซอร์ ระบบคลาวด์ เพื่อรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและระบบ 5G
2. การจัดการพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy Management)
การใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์หรือลมการบริหารพลังงานด้วย Smart Grid
3. ระบบขนส่งอัจฉริยะ (Smart Transportation)
การใช้ AI และเซ็นเซอร์ในการจัดการจราจร รถยนต์ไฟฟ้า รถไร้คนขับ และระบบแชร์รถ (Car Sharing)
4. การจัดการสิ่งแวดล้อม (Environmental Management)
การตรวจวัดคุณภาพอากาศ น้ำ และเสียง การจัดการขยะอัจฉริยะ
5. การบริหารจัดการเมือง (Smart Governance)
การใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อให้บริการประชาชน เช่น การชำระภาษีออนไลน์ การมีส่วนร่วมของประชาชนผ่านระบบออนไลน์
6. สุขภาพและสาธารณสุข (Smart Healthcare)
การใช้เทคโนโลยี Telemedicine ระบบติดตามสุขภาพด้วยอุปกรณ์สวมใส่
7. ระบบความปลอดภัย (Smart Security)
กล้องวงจรปิดพร้อม AI วิเคราะห์เหตุการณ์ผิดปกติ ระบบแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า
2. ประโยชน์ของ Smart City
1.ลดความหนาแน่นของจราจรและอุบัติเหตุ
2.ประหยัดพลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
3.เพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยในชีวิตประจำวัน
4.ส่งเสริมเศรษฐกิจและการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ตัวอย่างเมืองอัจฉริยะ
สิงคโปร์: มีการใช้ระบบวิเคราะห์ข้อมูลและ IoT ในการจัดการจราจรและพลังงาน
โซล (เกาหลีใต้): มีโครงการ Smart Parking และการจัดการขยะผ่าน IoT
โคเปนเฮเกน (เดนมาร์ก): มีการใช้พลังงานหมุนเวียนและระบบจักรยานอัจฉริยะ
เรียบเรียงโดย : รติกร โมทะจิตร
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.itbtthai.com/category/itbt-activities/