แนะนำ AI Chatbots ที่ดีที่สุด
ในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence หรือ AI) ก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว การพัฒนาเครื่องมือที่ช่วยให้การสื่อสารระหว่างมนุษย์กับคอมพิวเตอร์สะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้นก็เป็นเรื่องที่น่าจับตามอง หนึ่งในเทคโนโลยีที่กำลังมาแรงในตอนนี้คือ AI Chatbot ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ใช้เทคโนโลยี AI เพื่อจำลองการสนทนากับมนุษย์ ทำให้เราสามารถพูดคุยและได้รับคำตอบจากระบบคอมพิวเตอร์ได้เหมือนกับการพูดคุยกับคนจริงๆ
1. ChatGPT (OpenAI) ChatGPT จาก OpenAI ยังคงเป็นหนึ่งใน AI chatbot ที่ทรงพลังที่สุดในปี 2024 ด้วยเวอร์ชัน GPT-4 ซึ่งพัฒนาจากโมเดลภาษาแบบ Generative Pre-trained Transformer ที่สามารถทำงานได้หลากหลายและมีความแม่นยำสูงกว่าเดิมในหลายด้าน
🔹จุดเด่นของ ChatGPT
- การสนทนาที่ลื่นไหลและแม่นยำ:
ChatGPT มีความสามารถในการเข้าใจบริบทและการสนทนาที่ซับซ้อน ตอบคำถามได้อย่างเป็นธรรมชาติและลึกซึ้ง - การทำงานแบบ Multimodal:
รองรับการประมวลผลทั้งข้อความและภาพ โดยสามารถวิเคราะห์และอธิบายภาพที่อัปโหลดได้ นอกจากนี้ยังมีการผสานรวมกับ DALL-E สำหรับการสร้างภาพจากข้อความ - การเขียนโค้ดและช่วยงานโปรแกรมเมอร์:
สามารถช่วยเขียนโค้ด, แก้ไขบั๊ก, และให้คำแนะนำการเขียนโปรแกรมในภาษาต่าง ๆ เช่น Python, JavaScript และอื่น ๆ - Custom GPTs:
ผู้ใช้งานสามารถสร้างและปรับแต่งเวอร์ชัน GPT ตามความต้องการเฉพาะได้ เช่น สร้าง AI สำหรับการเรียนการสอน หรือการตลาด - การใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันอื่น:
ผสานการทำงานกับแอปพลิเคชันต่าง ๆ เช่น Microsoft Word, Excel และ PowerPoint ผ่าน Copilot และการสนับสนุนของ Microsoft - การประมวลผลข้อมูลที่รวดเร็วและแม่นยำ:
การทำงานบนโมเดล GPT-4 ช่วยให้ ChatGPT ตอบคำถามได้แม่นยำขึ้น ลดข้อผิดพลาดในการให้ข้อมูล เมื่อเทียบกับเวอร์ชันก่อนหน้า
🔹 จุดด้อย
- ข้อมูลจำกัดถึงช่วงปี 2023:
ข้อมูลที่ใช้ในการประมวลผลของ ChatGPT อาจไม่ครอบคลุมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุด - เวอร์ชันฟรีจำกัดการใช้งาน:
เวอร์ชันฟรีจำกัดให้ใช้งาน GPT-3.5 ส่วนการใช้งาน GPT-4 ต้องสมัครสมาชิก ChatGPT Plus
2. Gemini (Google) AI chatbot รุ่นใหม่จาก Google DeepMind ที่พัฒนามาจากโมเดลภาษา LLM (Large Language Model) ที่มีความสามารถขั้นสูง ซึ่งเป็นการต่อยอดจากโปรเจกต์ Bard โดยถูกออกแบบมาให้ทำงานได้หลากหลายและมีความสามารถในเชิงมัลติโมดัล (Multimodal) นั่นคือ สามารถประมวลผลได้ทั้งข้อความ, รูปภาพ, เสียง และวิดีโอ พร้อมรองรับการใช้งานที่ซับซ้อนขึ้น
🔹จุดเด่นของ Gemini (Google)
- การประมวลผลมัลติโมดัล (Multimodal)
สามารถประมวลผลข้อมูลได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งข้อความ, รูปภาพ และเสียง ในการสนทนาเดียวกัน - การรวมกับผลิตภัณฑ์ของ Google
ทำงานร่วมกับ Google Workspace เช่น Docs, Sheets, Gmail เพื่อช่วยสร้างเนื้อหาและวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว - ความสามารถในการค้นหาแบบเรียลไทม์
ใช้ฟีเจอร์ Double Check เพื่อตรวจสอบและยืนยันข้อมูลกับผลลัพธ์จาก Google Search - Project Astra
การพัฒนา AI Assistant ที่สามารถใช้งานในชีวิตจริง ผ่านอุปกรณ์พกพาหรือแว่นอัจฉริยะ
🔹 จุดด้อย
- ความเร็วในการตอบกลับ
อาจช้ากว่า ChatGPT หรือ Claude ในบางกรณี - Gemini Advanced
ยังมีฟีเจอร์ที่ไม่แตกต่างจากเวอร์ชันฟรีมากนัก
3. Claude AI โดย Anthropic เป็นตระกูลโมเดล AI ที่โดดเด่นด้านความแม่นยำ ความปลอดภัย และความสามารถในการจัดการข้อมูลปริมาณมาก
🔹จุดเด่นของ Claude AI
- ความสามารถในการประมวลผลบริบทยาว:
Claude AI รองรับบริบทยาวถึง 200,000 โทเคน และมีศักยภาพในการขยายเป็น 1 ล้านโทเคน สำหรับการใช้งานเฉพาะ ทำให้เหมาะสำหรับงานที่ต้องการวิเคราะห์ข้อมูลหรือเอกสารขนาดใหญ่ - ความแม่นยำและลดข้อผิดพลาด (Hallucinations):
Claude มีการปรับปรุงความแม่นยำ โดยเฉพาะในรุ่น Claude 3 Opus ซึ่งมีการลดความผิดพลาดหรือการสร้างข้อมูลเท็จ และสามารถแสดงความไม่มั่นใจเมื่อไม่ทราบคำตอบ แทนที่จะให้ข้อมูลผิดๆ - ออกแบบเพื่อความปลอดภัยและจริยธรรม (Constitutional AI):
Claude ใช้แนวทางการพัฒนาที่เน้นความปลอดภัย เพื่อลดความเสี่ยงจากการใช้งานที่ไม่เหมาะสม เช่น การเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นอันตราย ลดอคติ และเพิ่มความโปร่งใสในการทำงาน - ความยืดหยุ่นในการใช้งาน:
มีหลายเวอร์ชันให้เลือกตามความต้องการ:
Claude 3 Opus: สำหรับงานที่ซับซ้อนและต้องการความฉลาดสูง
Claude 3 Sonnet: สำหรับการใช้งานระดับองค์กรที่ต้องการสมดุลระหว่างความเร็วและประสิทธิภาพ
Claude 3 Haiku: สำหรับงานที่ต้องการการตอบกลับรวดเร็ว - ความสามารถในการสร้างโค้ดและทำงานหลายขั้นตอน:
Claude สามารถทำตามคำสั่งที่ซับซ้อนหลายขั้นตอนได้ดี รวมถึงการสร้างโค้ดและการวิเคราะห์เชิงลึก
🔹จุดด้อย
- จำกัดการใช้งานแบบเรียลไทม์:
Claude ยังไม่มีการผนวกรวมกับการค้นหาแบบเรียลไทม์เหมือน Gemini ของ Google ทำให้ข้อมูลบางอย่างอาจไม่ทันสมัย - ประสิทธิภาพในบางกรณีด้อยกว่า ChatGPT:
ถึงแม้ Claude จะมีความสามารถสูง แต่ในบางกรณี เช่น การสร้างเนื้อหาที่สร้างสรรค์หรือการตอบคำถามที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อน ChatGPT (GPT-4) ของ OpenAI อาจทำได้ดีกว่า - ข้อจำกัดในการใช้งานฟรี:
การใช้งานฟรีจำกัดการส่งข้อความประมาณ 30 ข้อความต่อวัน ซึ่งอาจไม่เพียงพอสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการใช้ AI อย่างต่อเนื่อง - ค่าใช้จ่ายในการใช้งาน API สูง:
สำหรับการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่หรือการใช้งาน API ในระดับองค์กร ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับโมเดล AI อื่นๆ
4. Microsoft Copilot เป็น AI ผู้ช่วยอัจฉริยะที่ผสานการทำงานเข้ากับแอปพลิเคชันในชุด Microsoft 365 เช่น Word, Excel, PowerPoint, และ Outlook รวมถึงระบบปฏิบัติการ Windows 11 ด้วย โดยออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับผู้ใช้ทั้งในด้านการทำเอกสาร การวิเคราะห์ข้อมูล การจัดการอีเมล และการสร้างงานนำเสนอ ช่วยลดเวลาทำงานซ้ำ ๆ และให้ผู้ใช้งานสามารถโฟกัสกับงานที่สำคัญได้มากขึ้น
🔹จุดเด่นของ Microsoft Copilot
- การทำงานร่วมกับแอป Microsoft 365
สร้างสไลด์ใน PowerPoint โดยอัตโนมัติจากโน้ตหรือหัวข้อที่ให้ไว้
วิเคราะห์ข้อมูลใน Excel เช่น การสร้าง pivot table หรือแนะนำสูตรอัตโนมัติ
สรุปและร่างอีเมลใน Outlook อย่างรวดเร็ว - ผสานกับ Windows 11
ช่วยในการค้นหาไฟล์ สรุปเว็บเพจ หรือแม้แต่การเปลี่ยนการตั้งค่าระบบผ่านคำสั่งภาษาอังกฤษ - ฟีเจอร์พิเศษใน Copilot Pro
ผู้ใช้สามารถเข้าถึงโมเดล GPT-4 Turbo ได้เร็วขึ้น และมีฟีเจอร์ทดลองใหม่ ๆ ใน Copilot Labs
🔹จุดด้อย
- ค่าใช้จ่ายสูง
สำหรับผู้ใช้ทั่วไป ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ $20 ต่อเดือน ใน Copilot Pro และ $30 ต่อเดือน สำหรับ Microsoft 365 Copilot ในระดับองค์กร - เรียนรู้การใช้งาน
ผู้ใช้อาจต้องใช้เวลาในการทำความคุ้นเคยกับการสั่งงาน Copilot โดยเฉพาะกับคำสั่งที่ซับซ้อน - จำกัดการใช้งานในระบบนิเวศของ Microsoft
ใช้ได้เฉพาะกับแอปและบริการของ Microsoft เท่านั้น ซึ่งอาจไม่สะดวกสำหรับผู้ใช้ที่ไม่ได้อยู่ในระบบนิเวศนี้
5. Perplexity AI เป็นเครื่องมือ AI ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยในการวิจัย การสร้างเนื้อหา และการหาข้อมูล โดยใช้เทคโนโลยีการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP) และการดึงข้อมูลจากเว็บแบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยให้ได้คำตอบที่แม่นยำและเหมาะสมกับบริบท โดยสามารถให้ข้อมูลที่หลากหลายและเชื่อถือได้จากแหล่งต่างๆ โดยเฉพาะในงานวิจัยและการศึกษา
🔹จุดเด่นของ Perplexity AI
- การดึงข้อมูลจากหลายแหล่ง:
Perplexity AI สามารถรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เช่น งานวิจัย, บทความจากสื่อ และแหล่งข้อมูลออนไลน์ เพื่อให้คำตอบที่แม่นยำและทันสมัย - การอ้างอิงแหล่งที่มา:
ทุกคำตอบจาก Perplexity AI จะมีการอ้างอิงถึงแหล่งที่มาทำให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบความน่าเชื่อถือได้ - ใช้งานง่ายและเข้าถึงได้:
อินเตอร์เฟซของ Perplexity AI ถูกออกแบบให้เข้าใจง่าย แม้สำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับการใช้ AI ช่วยให้การใช้งานสะดวกและรวดเร็ว - ฟังก์ชันการสนทนา:
ผู้ใช้สามารถถามคำถามติดตามและขอคำตอบเพิ่มเติมได้อย่างสะดวก ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ได้รับข้อมูลที่ลึกซึ้งและเหมาะสมกับบริบทมากขึ้น - เหมาะสำหรับงานวิจัยและการศึกษา:
Perplexity AI ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยในการวิจัย โดยสามารถตอบคำถามที่ซับซ้อนได้และช่วยในการสรุปเนื้อหาจากหลายแหล่ง
🔹จุดด้อย
- ต้องพึ่งพาการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต:
เนื่องจาก Perplexity AI ต้องการการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อดึงข้อมูลจากแหล่งภายนอกแบบเรียลไทม์ จึงอาจจะไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้ในสถานที่ที่ไม่มีการเชื่อมต่อ - ข้อจำกัดในการใช้เวอร์ชันฟรี:
ในเวอร์ชันฟรีของ Perplexity AI ฟีเจอร์จะถูกจำกัด เช่น การเข้าถึงข้อมูลหรือคำตอบบางประเภท อาจไม่ครอบคลุมเท่ากับเวอร์ชันพรีเมียม - ข้อมูลที่บางครั้งไม่สมบูรณ์:
แม้ว่าจะรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ได้ดี แต่บางครั้งคำตอบอาจยังไม่สมบูรณ์หรือจำเป็นต้องตรวจสอบเพิ่มเติมจากแหล่งอื่น
6. Humata AI เป็นเครื่องมือที่ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในการช่วยวิเคราะห์และทำความเข้าใจเอกสารต่างๆ โดยเฉพาะเอกสารที่มีเนื้อหาซับซ้อน เช่น เอกสารทางกฎหมาย การวิจัย และเอกสารด้านการเงิน
🔹จุดเด่นของ Humata AI
- การวิเคราะห์เอกสารและการสรุป:
Humata AI สามารถทำการสรุปข้อมูลจากเอกสารขนาดใหญ่ให้สั้นลงโดยไม่สูญเสียความหมายสำคัญ นอกจากนี้ยังช่วยตอบคำถามที่เฉพาะเจาะจงจากเนื้อหาของเอกสารได้อย่างแม่นยำ - รองรับหลายประเภทของเอกสาร:
Humata รองรับการทำงานกับเอกสารหลายรูปแบบ เช่น PDF, Word, PowerPoint โดยสามารถอ่านและวิเคราะห์เนื้อหาจากเอกสารเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็ว - การค้นหาความหมาย (Semantic Search):
ระบบสามารถเข้าใจความหมายที่อยู่ในคำถามและให้คำตอบที่ตรงกับบริบทของคำถามนั้นๆ แทนการค้นหาด้วยคำสำคัญทั่วไป - การใช้ OCR (Optical Character Recognition):
สามารถแปลงข้อความจากเอกสารที่สแกนหรือรูปภาพให้เป็นข้อความที่สามารถประมวลผลได้ - การปรับแต่งคำตอบและการสนับสนุนที่หลากหลาย:
Humata มีฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งคำตอบและเข้าถึงการสนับสนุนที่หลากหลายตามแผนการใช้งานที่เลือก
🔹จุดด้อย
- ข้อจำกัดในการใช้งานเอกสารขนาดใหญ่:
เวอร์ชันฟรีมีข้อจำกัดในเรื่องของจำนวนหน้าเอกสารที่สามารถอัปโหลด (สูงสุด 60 หน้า) ซึ่งอาจไม่เพียงพอสำหรับการใช้งานในเอกสารขนาดใหญ่ - อาจพบปัญหาในการอ่านเอกสารบางประเภท:
แม้ว่า Humata จะสามารถจัดการกับหลายประเภทของเอกสารได้ แต่บางครั้งมันอาจประสบปัญหาในการประมวลผลเอกสารที่มีการจัดรูปแบบพิเศษหรือมีเนื้อหาที่ซับซ้อนเกินไป - ราคาแพงในแผนธุรกิจ:
แผนราคาของ Humata มีราคาค่อนข้างสูง โดยแผนธุรกิจอาจไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไปหรือธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการฟีเจอร์ขั้นสูง
เรียบเรียงโดย : ชโณทิศ ศรีษะ
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.itbtthai.com/category/itbt-activities/